วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท


พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นพระที่นั่งสำคัญองค์หนึ่งในหมู่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เดิมมีพระที่นั่งต่างๆ ต่อเนื่องกันรวม 11 องค์ ปัจจุบันมีอยู่เพียง 3 องค์ คือ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ และพระที่นั่งสมมิเทวราชอุปบัติ




พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้จ้างสถาปนิกชาวอังกฤษจากสิงคโปร์ ชื่อ มิสเตอร์ ยอน คลูนิช ทำหน้าที่เป็นนายช่างออกแบบถวายตามพระราชดำริ โดยสร้างตามแบบอย่างศิลปกรรมตะวันตก มีหลังคากลมซึ่งเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนั้น แต่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) กราบบังคมทูลพระกรุณาว่าสมควรสร้างเป็นปราสาทจึงจะเหมาะสม เพราะเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา มีการสร้างปราสาทเรียงกัน 3 องค์ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ มีการสร้างอยู่แล้ว 2 องค์ คือ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน กับ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท นอกจากนี้การสร้างพระมหาปราสาทนั้นถือกันมาแต่โบราณว่า เป็นการเฉลิมพระเกียรติยศของสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าที่ทรงสร้างด้วย จึงมีพระราชดำริเห็นชอบและโปรดเกล้าฯให้สร้างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทเป็นแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมไทย และสถาปัตยกรรมตะวันตก โดยองค์พระที่นั่งเป็นแบบตะวันตกแต่ส่วนหลังคาเป็นแบบไทย





ช่วงต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การปฏิรูปบ้านเมืองมีพระบรมราโชบายในการเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาอารยประเทศ การออกแบบพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท จึงสอดคล้องกับธรรมเนียมนิยมแห่งอารยะประเทศ เช่น มีห้องทรงพระอักษร ห้องเสวยพระสุธารสกาแฟ ห้องพระราชทานเลี้ยง ห้องรับรองแขกเมือง ฯลฯ





ในปัจจุบันทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ท้องพระโรงกลางในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นสถานที่เสด็จออกให้คณะทุตานุทูตต่างประเทศเฝ้าฯ ถวายพระราชสาส์นและอักษรสาส์นตราตั้ง เป็นที่ถวายหรือพระราชทานเลี้ยงรับรองพระราชอาคันตุกะ และเป็นที่ประกอบพระราชพิธีต่างๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น